วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อิฐรักษ์โลก


งานก่อสร้างตั้งแต่ปีเสือจนถึงปีกระต่าย ไม่ว่าโครงการเล็กหรือใหญ่ ต่างหันมาใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างมากขึ้น เพื่อเป็นจุดขาย เพิ่มความทันสมัย และการมีส่วนร่วมลดโลกร้อนของผู้อยู่อาศัยอย่างลงตัว

เทรนด์กรีน
นายธนกร ปริศวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ แมท จำกัด ผู้พัฒนาอิฐอีโค่บล็อก เล่าว่า บริษัทขนาดย่อมของเขาเป็นองค์กรหนึ่งที่เกิดขึ้นในปี 2547 เพื่อวิจัยและพัฒนาอิฐรักษ์โลกโดยตรง เพราะมองเห็นโอกาสการเติบโตของวัสดุก่อสร้างทางเลือกสีเขียว

บริษัทได้รับโจทย์จากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากแกลบแห่งหนึ่งในจ.สระบุรี ที่ต้องการช่องทางปล่อยของเหลือจากกระบวนการผลิตที่อยู่ในรูปขี้เถ้าแกลบ ซึ่งทางออกมีเพียงนำไปฝังกลบและผสมดินปลูกต้นไม้จำหน่ายซึ่งเป็นช่องทางที่ปล่อยของเหลือได้น้อยมาก

อีโค่บล็อก เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการวิจัยและพัฒนาวัสดุทำผนังมานานกว่า 20 ปีของ ธนกร ด้วยการเป็นผู้บริหารเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างผนังอยู่ในบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม จำกัด

เขาเริ่มถ่ายทอดภูมิความรู้ให้ฟังว่า วัสดุทำผนังที่มีในตลาดดั้งเดิมเป็นอิฐมอญสีแดง แต่มีข้อเสียอยู่ที่น้ำหนักมาก อมความร้อน ทำให้พัฒนาการของอิฐก่อผนังถูกยกระดับเป็นอิฐมวลเบาในเวลาต่อมา แต่ก็ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพงเพราะซื้อโนฮาวน์มาจากประเทศเยอรมนี แต่ความแข็งแรงยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านการตอกยึดเพื่อแขวนของหนักได้

“อิฐมอญแดงต้องปั้นแล้วนำไปเผาก่อให้เกิดมลพิษระหว่างกระบวนการผลิต ส่วนอิฐมวลเบาระหว่างกระบวนการผลิตต้องนำไปอบไอน้ำให้มีน้ำหนักที่เบา แต่ด้วยความเบาเพราะทำจากส่วนผสมจากโฟมจึงไม่สามารถรับน้ำหนักในการตอกเจาะยึดสิ่งของที่มีน้ำหนักได้ดี” ธนกร ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนวัสดุก่อสร้างในปัจจุบัน

สร้างจุดแข็งด้วยจุดอ่อนคู่แข่ง
ปัญหาที่พบในอิฐมอญและอิฐมวลเบานี้เอง เป็นที่มาของการพัฒนาอีโค่บล็อกที่มีคุณสมบัติเติมเต็มจุดอ่อนของผลิตภัณฑ์คู่แข่ง โดยหันไปเน้นจุดขายที่ส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยนำขี้เถ้าแกลบจากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากแกลบ และขี้เลื่อยไม้มาใช้เป็นวัตถุดิบเสริมความแข็งแรงให้กับคอนกรีตซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้น

เจ้าของอิฐอีโค่บล็อกบอกว่า ข้อดีของขี้เถ้าแกลบอยู่ที่น้ำหนักเบา สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมร่วมกับขี้เลื่อยและคอนกรีตได้ถึง 50% ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่อก้อนมีราคาที่ถูกลงและสามารถจำหน่ายในราคาที่ไม่ต่างจากอิฐมอญทั่วไปได้

กระบวนการผลิตของอีโค่บล็อกถือเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับ ธนกร เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มจนจบกระบวนการ โดยส่วนผสมจะถูกคลุกเคล้าให้เข้ากันในไซโล และลำเลียงขึ้นสู่สายพานเทลงสู่บล็อกขึ้นรูปเป็นอิฐบล็อกขนาด 19x39x7 เซนติเมตรด้วยเครื่องอัดไฮโดรลิก จากนั้นนำไปผึ่งลม 1 คืนและผ่านการบ่มน้ำตากแดดอีก 3-4 วันพร้อมเสิร์ฟถึงมือผู้ก่อสร้าง

“ตลอดกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ไฟฟ้าอัดขึ้นรูปในช่วงสั้นๆ และอาศัยแสงแดดในการทำให้แห้ง ขณะที่การผลิตอิฐมอญจะต้องเผาซึ่งก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ส่วนอิฐมวลเบาต้องอบไอน้ำซึ่งใช้พลังงานมหาศาล”กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ แมท จำกัด กล่าว

การันตีผลงานคับคั่ง
อีโค่บล็อกที่วิจัยและพัฒนาได้ถูกส่งไปทดสอบประสิทธิภาพการความทนทานหลายแห่งด้วยกัน อาทิ การทดสอบเรื่องเสียงและการทนไฟ จากศูนย์บริการวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งรับรองผลว่ามีค่ากันเสียงได้ 40 เดซิเบล และมีค่าทนไฟ 4 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังส่งไปทดสอบที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย พบว่ามีความต้านทานแรงกดได้ 7,000 กิโลกรัม และดูดซึมน้ำ 21-23% ขณะที่ผนังอิฐมอญดูดซึมน้ำประมาณ 30-35% ซึ่งคุณสมบัติการดูดซึมน้ำน้อยจะทำให้ผิวปูนฉาบมีน้ำมากพอที่ปูนซีเมนต์จะเกิดปฏิกิริยาทำให้แข็งตัวได้ดี ลดโอกาสการแตกลายงาที่พบในอาคารก่อสร้างและบ้านพักอาศัยในปัจจุบัน

อีโค่บล็อกจะเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาที่สิ่งอาคารบ้านเรือนก่อสร้างพบ อาทิ การแตกลายของผนังที่ฉาบเนื่องจากสภาพแวดล้อม และวัสดุที่เกิดการหดตัว ซึ่งแม้แต่ต่างประเทศก็เป็น เราจึงมักเห็นสถาปัตยกรรมในต่างประเทศที่ก่อสร้างแบบไม่ฉาบปูนและไม่ทาสีเป็นจำนวนมาก เพื่อลดการซ่อมแซมริ้วรอยที่ซ้ำซ้อน

นวัตกรรมอิฐสีเขียว อีโค่บล็อกยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศด้านผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ประเภทนักออกแบบ ประชาชน ธุรกิจอุตสาหกรรม และรางวัลป๊อปปูล่าโหวต ในการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเมื่อปลายปีเสือที่ผ่านมา

ทั้งยังได้รับการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (แอลซีเอ) จากศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ รับรองว่าเป็นนวัตกรรมที่มีผลกระทบน้อยกว่าอิฐมอญและน้อยกว่าอิฐมวลเบา ซึ่งอนาคตมีประโยชน์หลังจากก่อสร้างเป็นอาคารในแง่การคำนวณค่าการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารสะดวก

“ธุรกิจอีโค่บล็อกเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี เกิดขึ้นด้วยเงินทุนเพียง 3-4 ล้านบาท มีเป้าหมายสูงสุดในอนาคตว่า อยากจะนั่งแท่นเป็นวัสดุทางเลือกในบัญชีแนะนำวัสดุก่อสร้างของวิศวกร โดยเฉพาะโครงการก่อสร้าง คอนโด บ้านพัก รีสอร์ท สำนักงานที่มีคอนเซ็ปต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ แมท จำกัด กล่าว

ขณะนี้บริษัทมีกำลังผลิตอีโค่บล็อกอยู่ที่ประมาณวันละ 20,000 ก้อน โดยปีที่ผ่านมามียอดจำหน่ายไปประมาณ 3 ล้านกว่าก้อนตลอดปี และมีการขยายผลเพิ่มในส่วนของการมองหาพันธมิตรที่ทำหน้าที่ผลิตอีโค่บล็อกและส่งต่อให้บริษัทเป็นผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งตอนนี้มีพันธมิตรแล้ว 2 แห่งและยังเปิดโอกาสสำหรับทุกคนที่ผู้สนใจลงทุน

ธนกร คาดการณ์เกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาใช้ว่า ในตอนนี้วัตถุดิบขี้เถ้าแกลบที่ได้จากโรงไฟฟ้าในจังหวัดสระบุรี 2 แห่งถือว่ายังมีมากพอ เพราะยิ่งมีโรงไฟฟ้าที่ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงจะสิ่งมีวัตถุดิบในการผลิตอีโค่บล็อกมากเช่นกัน และอนาคตไม่มีวันหมด จุดนี้เองที่ทำให้ธุรกิจดังกล่าวสามารถนำไปเจรจาเพื่อขายโนฮาวน์กับเวียดนามซึ่งประเทศเขามีกำลังผลิตข้าวเพิ่มขึ้นทุกปีและแกลบไม่มีวันหมดเช่นกัน

ที่มา http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/373831

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น